ความท้าทายของอุตสาหกรรมปลายน้ำในจีน ต่อภาคอุตสาหกรรมเหล็ก

19 พฤศจิกายน 2568
ความท้าทายของอุตสาหกรรมปลายน้ำในจีน ต่อภาคอุตสาหกรรมเหล็ก

ปัญหาในภาคอุตสาหกรรมเหล็กเป็นตัวสะท้อนถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งโดยปกติเป็นเครื่องมือสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจจีนจากภาวะชะลอตัว กลับหดตัวลง ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS)

ภาคโครงสร้างพื้นฐานคิดเป็นสัดส่วนราว 27% ของการบริโภคเหล็กทั้งหมดของจีน ตามประเมินของ S&P Global Commodity Insights

การลงทุนในภาคโครงสร้างพื้นฐาน ในเดือนตุลาคมลดลง 8.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ที่การลงทุนต่ำกว่าระดับปีก่อน และการลงทุนช่วงเดือนมกราคม–ตุลาคม ลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลจาก NBS

ในช่วงเดือนมกราคม–ตุลาคม จีนออกพันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่น (Local Government Special Bonds) ประมาณ 3.965 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นราว 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว

พันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่นดังกล่าว ออกแบบมาเพื่อใช้สนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม รายงานของซินหัวระบุว่า พันธบัตรพิเศษในปี 2025 มีการเพิ่มสัดส่วนการนำไปใช้เพื่อสะสมที่ดิน การซื้อที่ดินรกร้างที่มีอยู่ และการซื้อโครงการที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์ที่สร้างเสร็จแล้ว เพื่อจัดสรรเป็นที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา

ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวในโรงงานจีนและผู้ค้ารายหนึ่ง การใช้จ่ายจริงสำหรับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานไม่ได้แข็งแกร่งเท่าปีก่อน เนื่องจากส่วนหนึ่งของพันธบัตรพิเศษถูกนำไปใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้เดิมของรัฐบาลท้องถิ่น

ภาคยานยนต์ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการบริโภคสินค้าคงทนของจีน ก็อ่อนแอลงในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนเช่นกัน โดยยอดขายปลีกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในช่วงวันที่ 1–9 พ.ย. อยู่ที่ 415,000 คัน ลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนก่อน ตามข้อมูลของสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจีน (China Passenger Car Association :CPCA)

สมาคมระบุว่าการลดลงนี้เกิดจากฐานที่สูงจากปีก่อนและเงินอุดหนุนของรัฐบาลที่เข้มงวดขึ้นสำหรับการแลกเปลี่ยนสินค้าอุปโภคบริโภคในบางภูมิภาค

ผู้ค้าชาวจีนจำนวนสี่รายระบุว่า ประเทศอาจจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นด้านการคลังและการเงินที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น เพื่อพยุงทั้งภาคการก่อสร้างและภาคการบริโภค

          อย่างไรก็ตาม ความเห็นส่วนใหญ่ในตลาดชี้ว่า จะไม่มีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมจนกว่าจะถึงต้นปี 2026 ส่งผลให้บรรยากาศตลาดยังคงซบเซา และราคาเหล็กมีแนวโน้มผันผวนอยู่ในกรอบแคบ ตามความเห็นของผู้ค้าและแหล่งข่าวจากโรงงานในจีนหลายราย

พอล บาร์โธโลมิว นักวิเคราะห์โลหะเหล็กชั้นนำจาก S&P Global Commodity Insights กล่าวว่า“ขณะนี้เราคาดการณ์ราคาเหล็กเส้น (rebar) ในไตรมาสของธันวาคมในมุมของเราไว้ที่ 3,149 หยวน/ตัน ลดลงจากเดิมที่ 3,183 หยวน/ตัน แต่เราได้ประมาณการสำหรับไตรมาสมีนาคม 2026 ไว้เช่นเดิม โดยราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) ที่ 3,407 หยวน/ตัน และเหล็กเส้น (rebar) ที่ 3,267 หยวน/ตัน”

“เมื่อมองไปยังปี 2026 เราคาดว่าการปรับขึ้นของราคาจะเกิดขึ้นในไตรมาสของเดือนมีนาคม และจะอ่อนตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี

ทั้งนี้ การปรับขึ้นครั้งใหญ่ของราคา (ถ้ามี) น่าจะมาจากการประกาศนโยบายการดำเนินการบางอย่างเพื่อแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “anti-involution” และปัจจัยด้านความเชื่อมั่น มากกว่าจะมาจากปัจจัยพื้นฐานทางอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งเราคาดว่าจะคล้ายกับปี 2025”


แหล่งที่มา : S&P Global Commodity Insights

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.